Factors Related to Self-care Behaviors for Prevention of Hypertension among Groups of People at Risk in Pakumkoa Sub-district, Swankhalok District, Sukhothai Province

Abstract

The objectives of this descriptive research were to study self-care behaviors and related factors that prevent hypertension among groups of people at risk in Pakumkoa Sub-district, Sawankhalok District, Sukhothai Province. The population was 1,695 people aged 35 and over who were at risk of hypertension. The sample, selected through the simple random sampling method, was 313 respondents. The research tool was a questionnaire. The statistics used for data analysis included frequency, percentage, average, standard deviation, and Pearson's correlation coefficient.

The results showed that the majority of the sample group was female (55.91 percent) and male (44.09 percent), aged 41-50 and 51-60 (33.55 percent), had primary education (65.50 percent), had an occupation in agriculture (64.85 percent), earned between 5,001 and 10,000 baht (67.09 percent), and mostly had no congenital diseases (91.05 percent). The sample group had hypertension preventive self-care behaviors at a moderate level with an average of 3.21 and a standard deviation at 0.14. The factor related to self-care behaviors in preventing hypertension was to recognize the benefits of medical treatment which was at a relatively low correlation level (r = 0.20) with a statistically significant level of 0.05. In the area of Pakumkoa Sub-district, the research data could be further applied to self-care planning and self-care behaviors promotion for the people at risk of hypertension.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ประชากร คือ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 1,695 คน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 313 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 55.91 เพศชาย ร้อยละ 44.09 อายุระหว่าง 41-50 ปี และ 51-60 ปี ร้อยละ 33.55 ระดับการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 65.50 อาชีพหลัก เกษตรกรรม ร้อยละ 64.85 มีรายได้อยู่ระหว่าง 5,001 - 10,000 บาท ร้อยละ 67.09 ส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 91.05 กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ย 3.21 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.14 สำหรับปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันความดันโลหิตสูง คือการรับรู้ประโยชน์ของการรักษา ในระดับความสัมพันธ์ค่อนข้างต่ำ (r = 0.20) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ทั้งนี้พื้นที่ตำบลป่ากุมเกาะ สามารถใช้ข้อมูลจากการวิจัยเพื่อการวางแผนการดูแลตนเองและส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ต่อไป